
หลายประเทศเล็งเปิดการท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่ไม่ผลีผลาม นำไปสู่แนวคิดใหม่ๆ อย่างการจับคู่เปิดท่องเที่ยวกับประเทศและพื้นที่ๆ คุมการระบาดของโควิด-19ได้ หรือการค่อยๆ เปิดรับนักท่องเที่ยว รวมถึงการจัดทำโครงการ “ไม่ต้องยกเลิก แค่เลื่อนการเดินทางออกไป” และการชูว่าเป็น “แหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย”
สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ปิดพรมแดนมาตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่คณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมประกาศแผนเปิดพรมแดนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
จริงๆ แล้ว บางประเทศในยุโรปอนุญาตให้ผู้คนเดินทางระหว่างกันมาได้พักหนึ่งแล้ว อย่างกรณีของเอสโตเนีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย อันเป็นกลุ่มแรกของยุโรปที่จับมือกันทำ “travel bubble” หรือช่องทางปลอดภัยในรูปแบบของจับคู่เปิดการท่องเที่ยวกับประเทศซึ่งคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเดินทางไปมาระหว่างสามประเทศดังกล่าว ช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ และคนไม่ตกงานมากนัก โดยการเดินทางข้ามไปมาระหว่างกัน มีทั้งไปเพื่อหาซื้อของกินของใช้ราคาถูก ไปซื้อหาสัตว์เลี้ยง และอื่นๆ
หลังจากเปิดช่องทางเดินทางกับเพื่อนบ้าน 2 ประเทศไปแล้ว เอสโตเนียยังเล็งที่จะขยาย travel bubble รองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นที่อยู่ไกลออกไปอีกด้วย
นอกจาก travel bubble แล้ว ยังมี “green zone” อันเป็นแนวคิดของสถาบันบริหารธุรกิจ ESADE แห่งสเปน ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้คนในพื้นที่ๆ ที่มีการติดเชื้อในระดับต่ำ เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันได้ โดยเน้นในระดับ “พื้นที่” ไม่ใช่ระดับประเทศ อันจะเปิดโอกาสให้สามารถเปิดการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันได้เร็วขึ้น
อย่างกรณีเกาะมาจอร์กาของสเปนซึ่งสามารถควบคุมไวรัสได้ อาจอนุญาตให้มีการเดินทางท่องเที่ยวกับกรุงเบอร์ลิน ซึ่งควบคุมไวรัสได้เช่นกัน โดยอีกเหตุผลหนึ่งของการเปิด green zone ระหว่างกัน สืบเนื่องจากคนเยอรมันจำนวนมากมีบ้านพักตากอากาศอยู่บนเกาะมาจอร์กา
ในส่วนของบางประเทศ เล็งที่จะค่อยๆ เปิดรับนักเดินทาง อย่างกรณีของเกาะไซปรัสในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยว 15% ได้วางแผนเปิดรับนักเดินทาง 2 ระยะ โดยระยะแรกเปิดรับเที่ยวบินจาก 13 ประเทศอย่างกรีซ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เดนมาร์ก เยอรมนี จากนั้นในวันที่ 20 มิ.ย.จะเปิดรับเที่ยวบินจากสวิตเซอร์แลนด์ โปแลนด์ และอีก 4 ประเทศในยุโรป
ในอนาคตอันใกล้ หรืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไซปรัสจะเปิดรับนักเดินทางจากอีก 23 ประเทศ
ผู้เดินทางเข้าไซปรัสต้องมีใบรับรองว่าไม่ติดเชื้อ และผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิที่สนามบิน รวมถึงมีการสุ่มตรวจในภายหลังด้วย แต่หากติดเชื้อระหว่างท่องเที่ยวอยู่บนเกาะ ไซปรัสก็ประกาศว่าจะดูแลค่าที่พัก อาหาร และยาให้ทั้งหมด
ประเทศจอร์เจียซึ่งต้อนรับนักท่องเที่ยว 5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ใช้แผนการ 3 ระยะเช่นกัน แต่เฟสแรกเน้นรณรงค์ส่งเสริมจอร์เจียว่าเป็น “แหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย” เฟสสองจะอนุญาตให้มีการท่องเที่ยวในประเทศตามแหล่งท่องเที่ยว”ที่ปลอดภัย” และเฟสสุดท้ายคือเปิดพรมแดน รับเที่ยวบินจากบางประเทศ
นายกรัฐมนตรีจอร์เจียบอกว่า ประเทศกำลังเข้าสู่การรับมือโควิด-19 ขั้นที่สาม ซึ่งหมายถึงการบริหารเศรษฐกิจหลังวิกฤติ และการคิดแผนการฟื้นคืนชีวิตให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆ โดยการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมแรกที่ได้รับการชุบชีวิต
โปรตุเกสเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยากฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และแม้ยังไม่รับนักเดินทางจากประเทศนอกอียูจนถึงวันที่ 15 มิ.ย. แต่ก็มีแผนสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว ด้วยโครงการ “ไม่ต้องยกเลิก แค่เลื่อนออกไป” เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วไว้กับบริษัททัวร์ หรือจองโรงแรม รวมถึงจองที่พัก Airbnb ช่วงระหว่างวันที่ 13 มี.ค.-30 ก.ย. 2563 สามารถปรับเปลี่ยนตารางเวลาเดินทางมาโปรตุเกสออกไปได้ถึงปลายปีหน้า
สำหรับตุรกี ซึ่งมีดินแดนอยู่ในทั้งทวีปยุโรปและเอเชีย หวังจะต้อนรับนักเดินทางต่างชาติประมาณกลางเดือนมิ.ย. โดยอาจเปิดรับนักท่องเที่ยวจากเอเชียก่อน อย่างจีนและเกาหลีใต้
มาที่แถบเอเชีย อย่างเกาะบาหลีแห่งอินโดนีเซียกันบ้าง บาหลีประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาด ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ถึง 350 คน เสียชีวิต 4 ราย ทางการหวังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวภายในเดือนต.ค. แต่เจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวแนะนำว่าระหว่างนี้ควรทำ travel bubble กับออสเตรเลียไปก่อน
ด้านเวียดนาม ซึ่งประสบความสำเร็จในการควบคุมระบาด อันเปิดโอกาสให้โปรโมทประเทศในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและน่าดึงดูดใจ กำลังวิเคราะห์แนวโน้มหลากหลายเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยในกรณีที่ตลาดสำคัญๆ ของเวียดนาม สามารถควบคุมการระบาดได้ภายในเดือนก.ย. หน่วยงานการท่องเที่ยวจะเสนอให้ผ่อนคลายข้อจำกัด และลงมือโปรโมทเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดเหล่านี้ โดยเอเชียอาคเนย์กับเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นสองตลาดแรกที่เวียดนามทำการรณรงค์
ในส่วนของญี่ปุ่นซึ่งมีข่าวไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดแหล่งข่าวเผยว่าญี่ปุ่นมีแผนผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง ด้วยการจัดทำโควตาและอนุญาตให้นักเดินทางเพื่อธุรกิจ อย่างผู้บริหารและวิศวกร จากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย เวียดนาม เดินทางเข้าไปวันละ 250 คน และประเทศเหล่านี้ก็จะอนุญาตให้นักเดินทางจากญี่ปุ่นเข้าประเทศได้ด้วย โดยขณะนี้กำลังหารือกันว่าทำอย่างไรจึงจะไม่เสี่ยงต่อการระบาดของไวรัส
"การเดินทาง" - Google News
June 12, 2020 at 01:30AM
https://ift.tt/30A3e48
เดินทางวิถีใหม่ “Travel Bubble” – “Green Zone”...ดูออกแหละว่าอยากเที่ยว - Businesstoday
"การเดินทาง" - Google News
https://ift.tt/2XBGrDF
No comments:
Post a Comment